ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) คืออะไร
What is Sleep Test? by ณพสิทธิ์ 22/4/22

สารบัญ
- การตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep Test คืออะไร
- ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ไปเพื่ออะไร
- กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจ Sleep Test
- ประโยชน์ของการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)
- การตรวจคุณภาพการนอนหลับ ตรวจวัดอะไรบ้าง
- การตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep Test มีแบบใดบ้าง และควรเลือกตรวจอย่างไร
- ความเสี่ยงหรืออันตรายของการตรวจการนอน
- ควรเตรียมตัวสำหรับการตรวจการนอนอย่างไร
บทความอื่นที่เกี่ยวข้องกัน
การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) คืออะไร
การตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep Test หรือ Sleep Study หรือ Polysomnograpy คือการตรวจเพื่อวิเคราะห์การทำงานของร่างกายและสมอง ดูความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะหลับ โดยใช้เครื่องมือเฉพาะที่สามารถบอกความผิดปกติของการนอนหลับได้ร่วมกับการดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทางและนักเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญด้านการนอน
ปัจจุบันถือว่าเป็นการตรวจมาตรฐานสากล (gold standard) สำหรับการวินิจฉัยโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (obstructive sleep apnea; OSA) การกระตุกของกล้ามเนื้อต่างๆ ที่ผิดปกติ และพฤติกรรมที่ผิดปกติระหว่างการนอนหลับ เป็นต้น

ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ไปเพื่ออะไร
ชื่อเต็มของ การตรวจการนอนหลับคือ Polysomnography นั้นประกอบด้วยคำว่า Poly แปลว่าหลาย และ Somnography ซึ่งแปลว่าการนอนหลับ พอรวมกันจะได้ความหมายว่าตรวจการนอนหลับจากข้อมูลหลายๆ อย่างเข้ามารวมกัน
มีการตรวจการนอนหลับหลายชนิด ทั้งแบบที่ตรวจที่โรงพยาบาล หรือ ศูนย์โรคการนอนหลับ หรือ รูปแบบการตรวจที่บ้าน ซึ่งสำหรับการตรวจที่บ้านเองก็ยังแยกย่อยออกหลายแบบ โดยการตรวจแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันตามชนิดของอุปกรณ์ และเซ็นเซอร์ที่ใช้ โดยทั่วไปการตรวจการนอนที่บ้านแบบย่อจะวัดสัญญาณการหายใจ ระดับออกซิเจน อัตราการเต้นหัวใจ เป็นพื้นฐาน ขณะที่หากตรวจแบบเต็มรูปแบบนั้นก็จะมีทั้งการตรวจสัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมอง สัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมองกล้ามเนื้อ สัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมองหัวใจ สัญญาณท่าทางการนอน และค่าพารามิเตอร์อื่นๆ อีกรวมประมาณ 10 ชนิด
โดยการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) นั้นจะเฝ้าดู Sleep Stages และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนของเราตลอดทั้งคืน และพิจารณาเพื่อหาสาเหตุของปัญหาการนอนของเรา ว่ามีรูปแบบผิดปกติหรือไม่ หากมีแตกต่างอย่างไร มีสิ่งรบกวนอะไรบ้าง ทั้งจากภายในและภายนอกที่ขัดขวางการนอนหลับของคุณ อาทิ เหตุการณ์การแขนขากระตุกทำให้คุณนอนหลับไม่สนิท หรือการหยุดหายใจขณะหลับทำให้คุณง่วงตลอดวันและมีความดันโลหิตสูง การนอนละเมอมากผิดปกติ หรืออื่นๆ
โดยการนอนหลับโดยปกติ จะแบ่งออกเป็นสองแบบ คือ NREM Sleep หรือ Non-Rapid Eye Movement Sleep ซึ่งเป็นช่วงการนอนหลับที่แบ่งย่อยออกเป็นสามชนิดคือ หลับตื้น N1, หลับกลาง N2, หลับลึก N3 ซึ่งจะมีสัดส่วนที่เหมาะสมในคนปกติ ส่วนแบบที่สองคือ REM หรือ Rapid Eye Movement Sleep ซึ่งเป็นช่วงการนอนหลับที่สำคัญและคนเราจะหลับฝันในช่วงนี้เอง
ในคนปกติ เราจะหลับสลับกันไปมาเป็นวัฏจักร NREM - REM - NREM - REM ... ไปเรื่อยๆ จนตื่นนอนซึ่งหาก มีปัญหาความผิดปกติจากจากการนอนหลับก็จะทำลายวัฎจักรนี้ไป หรือทำให้เสียสมดุล หรือ รบกวนจนทำให้การนอนของเราไม่มีคุณภาพ หรือก่อให้เกิดโรคหรืออาการอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย

ตัวอย่าง Sleep Stage ของผู้ที่มีวงจรการนอนหลับค่อนข้างดี และ ผู้ที่มีวงจรการนอนหลับไม่ดี ในภาพที่ 1 จะเห็นว่าการนอนหลับของคนนี้ เมื่อแรกหลับก็สามารถเข้าสู่สภาวะการนอนแบบหลับลึก N3 ได้ในเวลาไม่นานจากนั้นก็เข้าสู่ REM Sleep และนก็กลับมาที่ NREM ก่อนจะวนเป็นวัฎจักรจนถึงเช้า เช่นนี้เรียกว่าวงจรการนอนหลับดี กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนผู้นี้จะไม่เป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับนะครับ แต่เพียงส่วนวงจรการนอนหลับ Sleep Stage ของคนนี้ค่อนข้างดี
ในตัวอย่าง Sleep Stage ของคนที่สองนี้จะเห็นได้ว่าเมื่อแรกหลับก็สามารถเข้าสู่การหลับลึก N3 ได้เช่นกัน แต่ว่าหลังจากนั้นก็หลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืนและสังเกตได้ว่ามีช่วงการนอนหลับแบบ REM Sleep เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น เช่นนี้เรียกว่าวงจรการนอนหลับไม่ดี หากเกิดเป็นครั้งคราวย่อมไม่เป็นไรแต่หากเกิดขึ้นถาวรเรื้อรังแล้วก็ต้องหาวิธีการแก้ไขหรือรักษาอย่างจริงจังครับ
แต่การที่จะพัฒนาคุณภาพการนอนนั้นไม่เพียงต้องดูเรื่อง Sleep Cycle ยังต้องดูเรื่องเหตุการณ์และสิ่งรบกวนอื่นๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับร่างกายขณะหลับไปพร้อมกันด้วย เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ อาการสะดุ้งตื่นบ่อยระหว่างคืน การแขนขากระตุก เรื่องการฝันร้าย และอื่นๆ อีกมากมาย
กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจ Sleep Test
ผู้ที่มีอาการผิดปกติจากการหลับหรือผู้ที่มีปัญหาอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep Test
***กลุ่มที่มีอาการผิดปกติจากการนอนหลับ ที่ควรได้รับการตรวจการนอนหลับ ได้แก่

***กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจการนอนหลับ ได้แก่
โดยผู้รับการตรวจควรพบแพทย์เฉพาะทางด้านโรคการนอนหลับโดยตรง หรือแพทย์สาขาที่เกี่ยวข้องเช่น หู คอ จมูก, อายุรแพทย์, หรือกุมารแพทย์ เพื่อสอบถามประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนและหลังการตรวจ เพื่อพิจารณาทางเลือกในการตรวจและรักษาแบบต่างๆ
แนะนำ ผู้เข้ารับการรักษาควรพาคนที่นอนด้วยมาพบกับแพทย์เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการนอนของผู้เข้ารับการตรวจเพิ่มเติม เนื่องจากพฤติกรรมบางอย่างผู้ที่นอนด้วยจะสามารถให้รายละเอียดได้ดีกว่าผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับ


ประโยชน์ของการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)
เป็นการตรวจและวิเคราะห์การนอนหลับ โดยเป็นการตรวจที่เป็นมาตรฐาน (Standard investigation) ที่ใช้ในการวินิจฉัยและประเมินระดับความรุนแรงของ “โรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA)”
การตรวจการนอนหลับ สามารถช่วยต่อการวางแผนและการตัดสินใจทางเลือกในการรักษา เช่น อาจใช้ในการตั้งค่าความดันลม (Pressure titration) ในกรณีที่รักษาโรคด้วย“เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (Continuous positive airway pressure หรือ CPAP)” เพื่อขยายช่องทางเดินหายใจ หรือการปรับระดับของ “เครื่องมือในช่องปาก (Oral appliances)”
นอกจากนี้ยังใช้พิจารณาเลือกวิธีการผ่าตัดทางเดินหายใจและใช้ติดตามผลการรักษา ตลอดจนช่วยในการวินิจฉัยโรคความผิดปรกติอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการนอนได้อีกด้วย
การตรวจคุณภาพการนอนหลับ (Sleep Test) ตรวจวัดอะไรบ้าง
การตรวจการนอนหลับที่สำคัญจะมีการติดอุปกรณ์ตรวจวัดสัญญาณต่างๆ ที่ใช้ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกายระหว่างนอนหลับ ซึ่งประกอบด้วย
1. การตรวจวัด การทำงานของคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)
2. การตรวจวัด คลื่นไฟฟ้าลูกตา (EOG)
3. การตรวจวัด คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
4. การตรวจวัด คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อคาง (EMG CHIN)
5. การตรวจวัด คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อขา, แขน เพื่อดูภาวะการขยับหรือกระตุกของขา, แขน (EMG)
6. การตรวจวัด การขยับขึ้นลงของทรวงอกและหน้าท้อง (CHEST , ABDOMEN)
7. การตรวจวัด ลมหายใจทั้งทางจมูกและทางปาก (AIRFLOW)
8. การตรวจวัด เพื่อดูเสียงกรน (SNORE)
9. การตรวจวัด ระดับออกซิเจนในเลือด เพื่อวัดดูความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SPO2)
10. การตรวจวัด ท่าทางการนอนตลอดทั้งคืน เพื่อสังเกตท่าทางการนอน และความผิดปกติทางพฤติกรรมที่อาจเกิดขึ้นขณะหลับ เช่น การนอนละเมอ เป็นต้น (BODY POSITION)
11. มีการถ่ายบันทึกวิดีโอเพื่อใช้ในการแปลผลตรวจการนอนหลับด้วย (VIDEO)

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) มีแบบใดบ้าง และควรเลือกตรวจอย่างไร
การตรวจการนอนหลับ บางครั้งเรียกว่า Sleep study หรือ Polysomnography สามารถแบ่งออกได้ เป็น 4 ระดับ ตามความละเอียดของข้อมูลที่ตรวจ โดยใช้ตามนิยามของสมาคมเวชศาสตร์การนอนหลับของสหรัฐอเมริกา (American Academy of Sleep Medicine หรือ AASM) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลดังนี้
ระดับที่ 1 การตรวจสุขภาพการนอนแบบสมบูรณ์โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืน (Comprehensive technician-attended polysomnography)
การตรวจแบบนี้จะประกอบด้วย การวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อลูกตา ใต้คาง และขา คลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด ตรวจวัดการขยับของหน้าอกและท้อง และการตรวจวัดลมหายใจ เป็นอย่างน้อย โดยอาจทำภายในห้องตรวจเฉพาะของสถานพยาบาล หรือนอกสถานที่ และมีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตอาการตลอดทั้งคืนที่ตรวจ
ระดับที่ 2 การตรวจสุขภาพการนอนหลับแบบสมบูรณ์ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดทั้งคืน (Comprehensive-unattended portable polysomnography)
การตรวจวิธีนี้อาจตรวจตามบ้าน ในห้องนอนของผู้รับการตรวจเองซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย หรือ ตามสถานที่พักต่างๆ ทำให้คล้ายกับการนอนในชีวิตประจำวันมากกว่า โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ให้แต่ไม่ได้เฝ้าระหว่างเวลาที่ตรวจ
ลักษณะของการตรวจแบบนี้มีส่วนประกอบและข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือได้ใกล้เคียงกับ การตรวจระดับ 1 แต่มีข้อดี เช่น ค่าใช้จ่ายในการตรวจที่ถูกกว่า เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มในเรื่องค่าห้องของโรงพยาบาลรวมถึง ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง
นอกจากนี้ยังใช้เวลาในการรอคิวตรวจน้อยกว่า โดยผู้ที่เหมาะสำหรับการตรวจวิธีนี้ ได้แก่ ผู้ที่เคลื่อนไหวและเดินทางไม่สะดวก หรือผู้ที่มีอาการมากและต้องการรักษาอย่างรวดเร็ว แต่ต้องรอคิวตรวจในโรงพยาบาลนานมาก เป็นต้น
ระดับที่ 3 การตรวจสุขภาพการนอนหลับแบบจำกัดข้อมูล (Limited channel portable sleep test)
การตรวจนี้ จะมีเพียงการตรวจ ลมหายใจ การเคลื่อนไหวของหน้าอกและท้อง การวัดระดับออกซิเจนในเลือด การวัดระดับเสียงกรน บางครั้งอาจมีการวัดคลื่นหัวใจร่วมด้วย หรือการตรวจการนอนหลับจากระบบหลอดเลือดและประสาทอัตโนมัติ เป็นต้น
การตรวจแบบนี้อาจมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าระดับ 1 และ 2 อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจมักได้ค่าความรุนแรงต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากไม่ได้วัดคลื่นสมอง จึงไม่สามารถประเมิน ประสิทธิภาพในการนอน รวมระยะความลึกของการนอน ทำให้ผลตรวจมีความแม่นยำน้อยกว่า
การตรวจแบบระดับ 3 เหมาะสมกับการตรวจเพื่อคัดกรองโรคเกี่ยวข้องกับการนอนหลับบางประเภท อาทิ โรคทางเดินหายใจอุดกั้นขณะหลับ
ระดับที่ 4 การตรวจระดับออกซิเจนในเลือด และหรือ วัดลมหายใจขณะหลับ (Single or dual channel portable sleep test)
เป็นการตรวจเพียงบางส่วน และได้ข้อมูลไม่เกิน 3 อย่างเท่านั้น จึงเลือกใช้เฉพาะกรณีที่ไม่สามารถตรวจในแบบต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วได้เท่านั้น เนื่องจากข้อมูลที่ตรวจได้มักจะไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอที่จะนำมาใช้ยืนยันการวินิจฉัยภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับได้ แต่เหมาะสมกับการตรวจเพื่อคัดกรอง หรือวินิจฉัยเบื้องต้นเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมการนอนหลับของท่านมากขึ้น
ความเสี่ยงหรืออันตรายของการตรวจการนอน
การตรวจการนอนหลับ หรือ Polysomnography เป็นการตรวจแบบ Noninvasive หรือการตรวจที่ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด แทงหรือสอดใส่เข้าไปในร่างกาย สิ่งที่เจอได้บ่อยที่สุดของผลข้างเคียงจากการตรวจคือ การระคายเคืองผิวหนังจากวัสดุยึดติดผิว เช่น Fixomull หรือ Transpore ที่ใช้ในการติดเซ็นเชอร์กับผิวของผู้รับการตรวจการนอน
มีผู้เข้ารับการตรวจบางคนที่กังวลว่าการตรวจวัดการนอนนั้นจะมีการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปในสมอง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผิดเป็นทำให้เกิดความกังวลใจโดยไม่จำเป็น ในความจริงแล้วการวัดสัญญาณไฟฟ้าจากร่างกายนั้นจะทำโดยการวัดสัญญาณคลื่นไฟฟ้าที่ส่งออกมาจากร่างกาย และไม่มีการส่งสัญญาณไฟฟ้าเข้าไปในร่างกายแต่อย่างใด และที่สำคัญเครื่องมือจะต้องเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผ่านการทดสอบทางไฟฟ้าตามมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ IEC-60601 ก่อนที่นำมาใช้กับมนุษย์ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัย
ควรเตรียมตัวสำหรับการตรวจการนอนอย่างไร
การเตรียมตัวเพื่อตรวจการนอน (Sleep Test) ไม่ซับซ้อนอย่างที่หลายคนคิด ประเด็นสำคัญคือการทำให้ตนเองนั้นสามารถนอนหลับได้และดี เพื่อให้ร่างกายของคุณสะสมความง่วงและพร้อมสำหรับการนอนหลับที่ดี เมื่อเข้าตรวจการนอนโดยมีข้อสำคัญในการเตรียมตัวดังนี้

สรุป ปัญหาการนอนเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม ปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติจากการหลับนั้น ไม่เพียงทำให้รู้สึกไม่สดชื่น แต่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่สำคัญอีกมากมาย เช่น โรคความดัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันในปอด ความผิดปกติทางอารมณ์ โรคเบาหวาน และอื่นๆ สร้างปัญหาต่อสุขภาพร่างกายทั้งระยะสั้นและระยะยาว
" ความผิดปกติที่เกิดขึ้นขณะหลับสามารถตรวจหาได้ผ่านการตรวจ Sleep Test นำไปสู่การดูแลรักษาที่ถูกต้อง ทำให้สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีอายุยืนยาวต่อไป "
ปรึกษาปัญหาโรคจากการหลับ ต้องการตรวจการนอนหลับศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริการของเรา
Reference